ตอนที่ 4
ยุคใหม่ของกลไก Spring Drive ที่ถือกำเนิดจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น
การแสวงหาความเที่ยงตรง ความทนทาน และความบาง
Caliber 9RA5 ได้รับการเปิดตัวในปี 2020 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของ Grand Seiko และในปีถัดมา ได้มีการเปิดตัว Caliber 9RA2 ซึ่งได้ย้ายตำแหน่งตัวแสดงกำลังสำรองไปไว้ที่ด้านหลังตัวเรือน ด้วยความเที่ยงตรง ±10 วินาทีต่อเดือน การใช้ถังลานสองชุดที่มีขนาดต่างกันช่วยให้ประหยัดพื้นที่ภายในกลไก ทำให้สามารถมีกำลังสำรองได้ยาวนานถึงประมาณ 120 ชั่วโมง กลไกเหล่าเกิดจากงานฝีมือและความงามตามแนวคิดญี่ปุ่น ผสานความแข็งแกร่ง ความทนทาน และความสามารถในการต้านแรงกระแทกไว้เข้าด้วยกัน พร้อมด้วยการตกแต่งภายนอกที่ประณีต ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาคชินชู ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Shinshu Watch Studio
แพ็กเกจสุญญากาศช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน
ภารกิจที่ยากที่สุดสำหรับทีมพัฒนาคือการสร้างชิ้นส่วนวงจร IC แพ็กเกจของ Spring Drive ที่มีความเที่ยงตรงสูง ซึ่งต่อมาจะช่วยให้พวกเขาบรรลุความแม่นยำระดับ ±10 วินาทีต่อเดือนได้ คริสตัลออสซิลเลเตอร์ (crystal oscillator) ควรจะสั่นที่ความถี่ 32,768 ครั้งต่อวินาทีอย่างแม่นยำ แต่ความผันผวนของอุณหภูมิสามารถทำให้ความถี่นี้เปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย เพื่อชดเชยความแปรปรวนนี้ จึงมีเซนเซอร์ที่ตรวจวัดอุณหภูมิภายในวันละ 540 ครั้งเพื่อประเมินผลกระทบต่อการทำงาน ในระบบทั่วไป IC และคริสตัลออสซิลเลเตอร์จะถูกติดตั้งแยกกัน แต่ใน Caliber 9RA5 และ 9RA2 จะควบคุมความแม่นยำได้ดีกว่าโดยการบรรจุทั้งสองชิ้นส่วนไว้ในแพ็กเกจเดียวที่ซีลด้วยสุญญากาศ หลังจากซีลแล้ว คริสตัลออสซิลเลเตอร์จะถูก “อบอายุ” (aged) เป็นเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ โครงสร้างภายในของ IC ซึ่งเป็นแบบ SOI-IC (silicon on insulator integrated circuit) ซึ่งต้องใช้กระแสไฟเพียงเล็กน้อยในการทำงาน ก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน การติดตั้งสายไฟทั้งหมดที่เชื่อมระหว่างคริสตัลออสซิลเลเตอร์กับ IC ไว้ภายในแพ็กเกจสุญญากาศนี้ ยังช่วยป้องกันไม่ให้ความชื้นส่งผลต่อกลไก และยังช่วยป้องกันผลกระทบจากไฟฟ้าสถิตและแสงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเพิ่มฟังก์ชันชดเชยอุณหภูมิทำให้ IC ใช้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นเพื่อชดเชยสิ่งนี้ จึงมีการปรับปรุงสปริงลาน และออกแบบชุดเฟืองใหม่เพื่อให้การส่งพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือกำลังสำรองที่ยาวนานประมาณ 5 วัน
บางลงและกะทัดรัดกว่าที่เคย
การนำโครงสร้าง Offset Magic Lever มาใช้ ซึ่งเป็นการวาง Magic Lever ที่มีเฟืองข้อเหวี่ยง (crank wheel) ให้อยู่ห่างจากกึ่งกลางของกลไก ช่วยลดความหนา เช่นเดียวกับการลดขนาดของชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น กระปุกลาน (barrel) ที่บรรจุสปริงลาน และตุ้มน้ำหนักโรเตอร์ (oscillating weight) ผลลัพธ์คือกลไกที่บางลงกว่าเดิม 0.8 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับกลไกรุ่น 9R6 การลดประสิทธิภาพในการขึ้นลานเล็กน้อยที่เกิดจากการย้ายตำแหน่ง Magic Lever ออกจากเฟืองส่งกำลัง (transmission wheel) ถูกแก้ไขโดยการสร้างเฟืองข้อเหวี่ยงแบบใหม่ที่ใช้ขับ Magic Lever จุดศูนย์ถ่วงถูกลดลงด้วยการลดระยะห่างจากด้านล่างของกลไกไปยังศูนย์กลางของเม็ดมะยม (crown) และการวางตำแหน่งเม็ดมะยมให้ใกล้ด้านหลังตัวเรือนให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง ชิ้นส่วนสามชิ้น ได้แก่ สะพานลาน (barrel bridge), สะพานเฟืองกลาง (center wheel bridge), และสะพานแกนขึ้นลาน (winding stem cock) ได้ถูกรวมเข้าเป็นชิ้นเดียว เรียกว่า One-piece Center Bridge ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างกลางในการรองรับกลไก การรวมชิ้นส่วนนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง และทำให้สามารถติดตั้งชิ้นส่วนได้หลายชิ้นพร้อมกัน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงของเพลทหลัก (main plate) ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ 9 นาฬิกา โดยรวมเฟืองส่วนใหญ่ไว้ภายในโครงสร้างดังกล่าว
Evolution 9 Collection SLGA021
ขับเคลื่อนด้วยกลไก Spring Drive 5 Days Caliber 9RA2 เรือนเวลารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากทะเลสาบซูวะที่พลิ้วไหวด้วยสายลมยามก่อนรุ่งสาง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Shinshu Watch Studio สถานที่ผลิตนาฬิกา Spring Drive — คือที่ตั้งของทะเลสาบซูวะ ซึ่งมีผืนน้ำกระเพื่อมเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ และเป็นแหล่งแรงบันดาลใจสำคัญของ Grand Seiko มาโดยตลอด หน้าปัดสะท้อนผิวของผืนน้ำนั้น — เมื่อมองลงไปจะเห็นภาพของคลื่นอ่อนพลิ้วที่ร่ายรำอยู่เหนือทะเลสาบที่ต้องสายลมท่ามกลางความสงบยามก่อนฟ้าสาง และเช่นเดียวกับสายลมแผ่วบนผืนน้ำที่เงียบสงบ สีฟ้าน้ำเงินเข้มของหน้าปัดจะเปลี่ยนเฉดไปตามมุมที่แสงตกกระทบ เช่นเดียวกับสายน้ำที่ไหลอย่างเป็นธรรมชาติ เข็มวินาทีของนาฬิกาเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ตามจังหวะเวลาธรรมชาติด้วยพลังจากกลไก Spring Drive ที่อยู่ใต้พื้นหน้าปัดนี้เอง
กลไก Caliber 9RA5 ที่แข็งแกร่ง บางเฉียบ และมีความเที่ยงตรงสูง คือเพียงบทหนึ่งในเรื่องราวที่ยังคงดำเนินต่อไป การพัฒนาของ Spring Drive ในฐานะการผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างเทคโนโลยีนาฬิกากลไกและควอตซ์ระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น
