2020/03/04 ข่าวประชาสัมพันธ์

เครื่องประดับที่เป็นผลงานชิ้นเอกซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสวยงามยามเช้าในช่วงฤดูหนาวของภูมิภาคชินชู (Shinshu) ที่อยู่ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น

นับตั้งแต่ Grand Seiko ก่อกำเนิดขึ้นมาในปี 1960 ทุกๆ การสร้างสรรค์จะถูกสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาผ่านทางทุกศาสตร์แห่งงานฝีมือที่เป็นสุดยอดของการผลิตเรือนเวลา และมีสไตล์ที่เน้นความเงียบสงบ ประณีตและพิถีพิถันตามแบบอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ตอนนี้ถือเป็นสิ่งที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ ถึงตอนนี้ ในวาระของการฉลองครบรอบ 60 ปี การสร้างสรรค์ครั้งใหม่ได้ถูกเพิ่มเข้าไปอยู่ในมาสเตอร์พีช คอลเล็กชั่น (Masterpiece Collection) ซึ่งได้เปิดเผยถึงมุมมองที่แตกต่างของ Grand Seiko นี่คือนาฬิกาพร้อมกลไก Spring Drive ที่เปรียบเสมือนกับเครื่องประดับ ซึ่งมากับตัวเรือนซึ่งผลิตจากแพลตตินั่มและมีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความสวยงามยามเช้าในช่วงฤดูหนาวของภูมิภาคชินชู (Shinshu) ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับสตูดิโอที่นาฬิกาทุกเรือนของ Grand Seiko Spring Drive ถูกผลิตขึ้นมา

นาฬิกาที่มีความโดดเด่นรุ่นนี้เปี่ยมด้วยคุณภาพทุกประการที่บ่งบอกถึงความเป็น Grand Seiko ตัวนาฬิกามีความโดดเด่นสะดุดตา มีความเที่ยงตรงในระดับสูงสุด และเพียบพร้อมด้วยความสวยงามอย่างถึงที่สุด การนำเพชรมาประดับบนหน้าปัดบนตำแหน่งบอกเวลาในส่วนนาทีเข้ากับแซฟไฟร์สีน้ำเงินที่ประดับในตำแหน่งหลักชั่วโมง นอกจากความสวยงามแล้วสิ่งนี้ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการมองเห็นแม้เพียงเหลือบสายตามอง สำหรับกลไกในการขับเคลื่อนนาฬิกาเป็น Spring Drive รหัส 9R01 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 8 วัน และมีความเที่ยงตรงในระดับสูงด้วยความคลาดเคลื่อน +/-10 วินาทีต่อเดือน และสามารถให้กำลังลานสำรองนานถึง 192 ชั่วโมง หรือ 8 วัน
 ด้วยความเรียบง่ายสง่างาม นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับทุกโอกาส ขณะที่หน้าปัดซึ่งส่องประกายอย่างสงบ ถือเป็นงานศิลปะที่ล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่งเท่าที่ Grand Seiko เคยสร้างสรรค์ขึ้นมาเลย มีการผลิตมีจำนวนจำกัดเพียง 10 รุ่นและจะเปิดตัวจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ Grand Seiko Boutique

เปล่งประกายแห่งความสดใสในทุกมุมมอง

เพชร 96 เม็ดและแซฟไฟร์สีน้ำเงิน 25 เม็ด ให้สัมผัสที่สะท้อนถึงบรรยากาศยามเช้าของพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับ Studio แถบนั้น

ด้วยแรงบันดาลใจจากผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กที่ส่องประกายระยิบระยับในยามเช้าอันเย็นยะเยือกในเขตชินชูตรงกลางหน้าปัดจะมีพื้นผิวที่เปล่งประกายเหมือนกับปรากฏการณ์เกล็ดหิมะอัญมณี (Diamond dust) ที่สร้างประกายระยิบระยับและความงามอันเป็นเอกลักษณ์ เพชรทรงสี่เหลี่ยมบาเก็ตต์หรือเพชรซีกและแซฟไฟร์สีน้ำเงินที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจะถูกจัดเรียงล้อมรอบหน้าปัดในส่วนที่เป็นเครื่องหมายนาทีและชั่วโมงโดยตั้งอยู่บนฐานที่เป็นทองคำขาว 18k การจัดเรียงของเพชรและแซฟไฟร์แบบเคียงข้างกันรอบหน้าปัดต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก อัญมณีตั้งอยู่ระหว่างรางคู่ที่มีขนาดบางเฉียบและถูกจัดวางด้วยความแม่นยำสูงจากช่างฝีมือเครื่องประดับที่ Shinshu Watch Studio เพชรและไพลินถูกวางในแนวนอนเพื่อให้สามารถรับแสงได้อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่แซฟไฟร์ในตำแหน่ง 12 นาฬิกามีขนาดกว้างกว่าตำแหน่งเล็กน้อย เพื่อมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดสายตาให้สัมผัสกับความงาม นอกจากนั้นการเพิ่มความงามของหน้าปัดให้เด่นยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการจัดวางเพชร 48 เม็ดและแซฟไฟร์สีน้ำเงิน 12 เม็ดเพิ่มเข้าไปโดยจะวางอยู่รอบนอกของหน้าปัดโดยจะล้อมรอบหลักชั่วโมงเอาไว้ ตัวเรือนผลิตจากแพลทินัม 950 และได้รับการขัดแต่งอย่างสวยงามในแบบ Zaratsu ที่ถูกดัดแปลงมาเป็นพิเศษสำหรับการขัดวัสดุอย่างแพลทินัม เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยม สอดคล้องกับนิยามที่สะท้อนถึงความเป็น Grand Seiko

ลวดลายบนหน้าปัดมีความโดดเด่นและโดยมีการสลักเป็นภาพสิงโตของ Grand Seiko อยู่บนพื้นที่มีลวดลาย Diamond Dust

กลไก 9R01 การสำรองพลังงาน 8 วันและทิวทัศน์ของภูเขาฟูจิ

คุณสามารถมองเห็นแนวเส้นโครงร้างของภูเขาไฟฟูจิพร้อมกับแสงแห่งเมืองซูวะผ่านทางฝาหลังแบบใส

นาฬิกาขับเคลื่อนด้วยกลไกแบบไขลาน Spring Drive ที่สามารถสำรองกำลังงานได้นานถึง 8 วันและถูกประกอบขึ้นด้วยมือของทีมช่างนาฬิกาชั้นยอดที่ Micro Artist Studio ซึ่งตั้งอยู่ใน Shinshu Watch Studio ตัวกลไกจะประกอบด้วยชุดเก็บลาน 3 ชุดที่ถูกจัดเรียงตามลำดับเพื่อส่งมอบกำลังสำรองของกลไกที่ถูกเพิ่มเข้ามา การตกแต่งที่ประณีตบนสะพานกลไกแบบชิ้นเดียว โดยออกแบบให้เป็นภาพของภูเขาฟูจิและตกแต่งด้วยทับทิมซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแสงที่เกิดขึ้นในเมืองซูวะ (Suwa) ซึ่งทั้งหมดคุณสามารถมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังใสของตัวนาฬิกา

SBGD205

Grand Seiko Masterpiece Collection
Spring Drive 8 Days Jewelry Watch

คาลิเบอร์ : 9R01
การขับเคลื่อน : แบบไขลาน
ความเที่ยงตรง +/-0.5 วินาทีต่อวัน (+/-10 วินาทีต่อเดือน)
พลังงานสำรอง : 8 วัน (192 ชั่วโมง) พร้อมมาตรวัดแสดงระดับพลังงานที่แยกออกมาต่างหาก
จำนวนทับทิม : 56 เม็ด

รายละเอียดทางเทคนิค
วัสดุตัวเรือน : แพลทินัม 950 พร้อมเพชร 96 เม็ด (2.25 กะรัต) และแชฟไฟร์สีน้ำเงินอีก 25 เม็ด (1.09 กะรัตรวมถึงเม็ดมะยม)
กระจกแซฟไฟร์ทรงกล่องได้รับการเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
ฝาหลังโปร่งใสสามารถมองเห็นกลไกจากทางด้านหลัง
ความสามารถกันน้ำ : 100 เมตร
ป้องกันสนามแม่เหล็ก : 4,800 แอมแปร์ต่อเมตร
เส้นผ่านศูนย์กลางนาฬิกา 43.0 มิลลิเมตร
หนา 13.5 มิลลิเมตร
สาย : หนังจระเข้พร้อมลานพับแบบ 3 ทบและปุ่มกดคลายล็อค
ราคาโดยประมาณในยุโรป :195,000 ยูโร
ผลิตจำนวนจำกัด 101 เรือน