กลไกใหม่ วัสดุใหม่และกระบวนการผลิตที่ทำให้เครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อชั่วโมงเกิดขึ้นจริง

ปัญหามากกว่าสองสามอย่างที่ต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่จะสามารถสร้างเครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อวินาทีรุ่นใหม่คือ เนื่องจากเครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อวินาทีนั้นต้องการแรงบิดมากกว่าเครื่องความถี่ 8 ครั้งต่อวินาที ภารกิจแรกจึงเป็นการพัฒนาเมนสปริงใหม่ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ สปรอน 530 (SPRON530) จึงถูกสร้างขึ้น ผลที่ได้คือทำให้เครื่องใหม่มีแรงบิดมากกว่าเดิมราว 6 เปอร์เซ็นต์ แฮร์สปริงใหม่ที่ใช้นั้นยังคงไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโดยรอบ แรงแม่เหล็ก แรงกระแทก และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำของเครื่อง การพัฒนาเป็นระยะเวลา 5 ปีนี้ จึงทำให้เกิดการพัฒนาเป็น สปรอน 610 (SPRON610) ทีมีความทนทานต่อแรงกระแทกเป็นสองเท่า และสามารถต้านทานพลังงานสนามแม่เหล็กเพิ่มขึ้นสามเท่า โดยแบรนด์นาฬิกาส่วนใหญ่จะจ้างบริษัทอื่นในการผลิตแฮร์สปริง และนั่นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะทำให้นาฬิกาบรรลุข้อกำหนดสูงเช่นนี้ แต่ ไดอินิ ไซโกชะ (Daini Seikosha) นั้น ได้มีส่วนร่วมในการวิจัยวัสดุและการกระบวนการผลิต โดยสามารถเริ่มผลิตสปริงได้ในช่วงปี 1940 ถึง 1950 และพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้า

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ จึงทำให้นาฬิกาสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 55 ชั่วโมง ซึ่งเป็นระดับที่น่าทึ่งของเครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อวินาที ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบใหม่นี้ ทำให้เกิดกลไกย้อนกลับ โดยทำให้เกิดการขดตัวของสปริงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นวัตกรรมต่อเนื่อง ในการพัฒนาเครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อวินาทีรุ่นปัจจุบันนั้น เอสเคปวีลและพาเล็ตฟอร์คเป็นหัวใจของเอสเคปเมนต์ ที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยี เมมส์ MEMS (micro electro mechanical system) ซึ่งบริษัทได้พัฒนาเพื่อใช้ในการผลิตแบบ เซมิคอนดักเตอร์ ด้วยการขึ้นรูปแม่พิมพ์ที่มีความแม่นยำสูงที่ทำจากพลาสติกพิเศษ ไปจนถึงกระบวนการชุบนิกเกิลด้วยไฟฟ้า จนสามารถผลิตชิ้นส่วน ที่มีพื้นผิวเรียบ และชิ้นส่วนยากๆได้อย่างแม่นยำ และ เทคโนโลยี เมมส์ MEMS นี้ ได้ถูกใช้เพื่อลดน้ำหนักของ เอสเคปวีล พาเล็ตฟอร์ค และชิ้นส่วนอื่นๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพิ่มความมั่นคงและความแม่นยำระดับสูงในการผลิต การใช้ เมมส์ MEMS นั้น จะทำให้ส่วนประกอบต่างๆ มีความคลาดเคลื่อนน้อยมาก
ด้วยเมนสปริงใหม่ที่มีแรงบิดสูง แฮร์สปริงที่มีความต้านทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก ชิ้นส่วนเอสเคปเมนต์ที่มีความทนทานสูงถูกสร้างมาเพื่อทำให้ความแม่นยำสูงขึ้น และเครื่องไฮบีท คาลิเบอร์ 9S85 ใหม่ ทำงานบนความถี่ 36000 ครั้งต่อชั่วโมง จึงได้ถูกสร้างขึ้นในปี 2009

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ จึงทำให้นาฬิกาสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 55 ชั่วโมง ซึ่งเป็นระดับที่น่าทึ่งของเครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อวินาที ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบใหม่นี้ ทำให้เกิดกลไกย้อนกลับ โดยทำให้เกิดการขดตัวของสปริงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นวัตกรรมต่อเนื่อง ในการพัฒนาเครื่องความถี่ 10 ครั้งต่อวินาทีรุ่นปัจจุบันนั้น เอสเคปวีลและพาเล็ตฟอร์คเป็นหัวใจของเอสเคปเมนต์ ที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยี เมมส์ MEMS (micro electro mechanical system) ซึ่งบริษัทได้พัฒนาเพื่อใช้ในการผลิตแบบ เซมิคอนดักเตอร์ ด้วยการขึ้นรูปแม่พิมพ์ที่มีความแม่นยำสูงที่ทำจากพลาสติกพิเศษ ไปจนถึงกระบวนการชุบนิกเกิลด้วยไฟฟ้า จนสามารถผลิตชิ้นส่วน ที่มีพื้นผิวเรียบ และชิ้นส่วนยากๆได้อย่างแม่นยำ และ เทคโนโลยี เมมส์ MEMS นี้ ได้ถูกใช้เพื่อลดน้ำหนักของ เอสเคปวีล พาเล็ตฟอร์ค และชิ้นส่วนอื่นๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพิ่มความมั่นคงและความแม่นยำระดับสูงในการผลิต การใช้ เมมส์ MEMS นั้น จะทำให้ส่วนประกอบต่างๆ มีความคลาดเคลื่อนน้อยมาก
ด้วยเมนสปริงใหม่ที่มีแรงบิดสูง แฮร์สปริงที่มีความต้านทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก ชิ้นส่วนเอสเคปเมนต์ที่มีความทนทานสูงถูกสร้างมาเพื่อทำให้ความแม่นยำสูงขึ้น และเครื่องไฮบีท คาลิเบอร์ 9S85 ใหม่ ทำงานบนความถี่ 36000 ครั้งต่อชั่วโมง จึงได้ถูกสร้างขึ้นในปี 2009

อ่านเพิ่มเติม

เปรียบเทียบชุดเฟืองขับเคลื่อนในเครื่อง 8 บีท และ 10 บีท

8 บีท

เครื่อง 9S5 และ 9S6 เป็นเครื่อง 8 บีท พลังของเมนสปริงจะหมุนเฟืองแบเรลเพื่อส่งพลังไปยังเฟืองตัวที่สอง หลังจากนั้นจึงส่งไปยังเฟืองที่สาม และสี่ ตามลำดับ
ในขณะเดียวกันพาเล็ตฟอร์คจะถูกขับเคลื่อนด้วยจังหวะการทำงานของบาลานซ์วีล ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของเอสเคปวีล ระบบนี้การทำงานของชุดขับเคลื่อนจะถูกปรับเพื่อหมุนเข็มนาฬิกด้วยความเร็วที่เหมาะสม

10 บีท

ในเครื่อง 10 บีท การทำงานบนความถี่สูงจะทำให้เกิดแรงกระแทกกับชิ้นส่วนต่างๆมากขึ้น การประกอบและความทนทานจึงต้องเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเครื่อง 9S8 จึงมีเอสเคปวีลเพิ่มขึ้นระหว่างเฟืองที่สี่และเอสเคปวีล จะช่วยยืดอายุของเฟื่องขับเคลื่อนที่สี่ และเป็นเทคนิคเดียวกับที่ใช้ในชุดขับเคลื่อนของคาลิเบอร์ 45 ซึ่งเชื่อถือได้

ชิ้นส่วนใหม่ที่ทำให้เครื่อง 10 บีทเกิดขึ้น

เมนสปริง

เมนสปริงผลิตจาก สปรอน 530 (SPRON530) เป็นโลหะผสมโคบอลต์ ที่ให้พลังงานแก่สปริงมากขึ้นโดยที่ขนาดลดลง

เอสเคปวีล

เพื่อเพิ่มความทนทานของชิ้นส่วนเอสเคปวีลและพาเล็ตฟอร์คที่ต้องทำงานร่วมกัน เคล็ดลับคือการทำให้เอสเคปวีล เป็นชั้นเพื่อสะดวกต่อการกักเก็บน้ำมันหล่อลื่น

พาเล็ตฟอร์ค

การใช้เทคโนโลยี เมมส์ (MEMS) มาช่วยนั้น ทำให้น้ำหนักของพาเล็ตฟอร์ค ที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของเอสเคปวีล ถูกลดทอนลง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วยเพิ่มให้ระดับความแม่นยำนั้นคงที่ตลอดเวลา

บาลานซ์วีล

อัลลอยด์ใหม่ สปรอน 610 (SPORN610) ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบาลานซ์สปริง โดยผลิตมาจากโคบอลต์ เหล็ก และนิกเกิล เสริมด้วยการเพิ่มโลหะต้านทานพลังสนามแม่เหล็กอื่นๆ เพื่อส่งมอบความสามารถในการทำงานบนความเร็วสูง 5 รอบต่อวินาที