ในวาระของการฉลองครบรอบ 60 ปี แกรนด์ ไซโก ความงามตามธรรมชาติของ Shizukuishi ซึ่งถือเป็นถิ่นกำเนิดของนาฬิกาจักรกลของ แกรนด์ ไซโก ได้ถูกนำมาเป็นต้นทางในการสร้างสรรค์นาฬิกาตัวเรือนแพลทินัมรุ่นใหม่เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ โดยบนหน้าปัดนาฬิกาจะได้รับการสลักสัญลักษณ์ด้วยมือเพื่อสะท้อนถึงเรื่องราวในตำนานจนนำไปสู่การตั้งชื่อนาฬิการุ่นนี้ สำหรับกลไกเป็นแบบไขลานในรหัส 9S64 โดยการสร้างสรรค์ครั้งนี้ได้นำไปสู่การก่อกำเนิดของคอลเล็กชั่นใหม่ที่ชื่อว่า เอเลแกนซ์ และนี่คือสัญลักษณ์อันทรงพลังของจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่วัฏจักรใหม่ในอีก 60 ปีต่อไปของ แกรนด์ ไซโก
Shizukuishi Watch Studio ตั้งอยู่ที่จังหวัดอิวาเตะ และเป็นสถานที่ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลิตนาฬิกาจักรกลของ แกรนด์ ไซโก ด้วยการเป็นผู้ผลิตแบบครบวงจรในทุกขั้นตอน ดังนั้น ช่างมือของสตูดิโอแห่งนี้จะดูแลทั้งเรื่องของการผลิต การประกอบ การปรับแต่ง การตรวจสอบ และการส่งมอบชิ้นส่วนที่มีความสำคัญของนาฬิกาจักรกล เช่น จักรกรอก
ที่สตูดิโอแห่งนี้ประกอบไปด้วยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญทั้งชายและหญิง ซึ่งหลายคนได้เคยชนะเลิศในการประกวดอย่าง Contemporary Master Craftsmen*1 และได้รับรางวัลเกียรติยศอย่าง Medal with Yellow Ribbon*2 มาแล้ว การผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของช่างฝีมือเหล่านี้ได้ทำให้สามารถบรรลุการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลที่มีความโดดเด่นในทุกด้านให้กลายเป็นจริงขึ้นมา
เมื่อประมาณ 1 พันปีที่แล้ว ได้มีการก่อเกิดของตำนานขึ้นมา เมื่อชายชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนดินแดนที่ในปัจจุบันคือ Shizukuishi ได้เริ่มได้ยินเสียงประหลาดที่ดังมาจากข้างในของต้นเซดาร์ขนาดใหญ่ ผู้คนต่างค้นหาร่องรอยของต้นกำเนิดนี้ซึ่งนำไปสู่การค้นพบถ้ำที่ลึกจนเหมือนกับไม่มีที่สิ้นสุด และเริ่มรับรู้ว่าเสียงประหลาดที่ว่านั้นคือเสียงของหยดน้ำ ซึ่งก็คือคำว่า ‘Shizuku’ ในภาษาญี่ปุ่น โดยหยดน้ำนี้ไหลจากเพดานของถ้ำลงบนก้อนหิน หรือ ‘ishi’ และทำให้เกิดเสียงดังก้องกังวานสะท้อนไปในถ้ำ พื้นที่แห่งนี้ในปัจจุบันคือ Shizukuishi และนี่คือตำนานที่อยู่เบื้องหลังการตั้งชื่อที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสลักสัญลักษณ์ลงบนหน้าปัดและบนชุดเข็ม
ในทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์กรรมวิธีในการผลิตนาฬิการุ่นนี้ได้รับการจัดการอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะในเรื่องของการแกะสลักที่ถือว่าเป็นการทำงานที่จะต้องเปี่ยมด้วยความรักอย่างแท้จริง อาจารย์แห่งการแกะสลัก Kiyoshi Terui และทีมงานเล็กๆ ของเขาทำการแกะสลักทุกรายละเอียดที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ด้วยมือของพวกเขา ซึ่งงานของพวกเขาไม่ได้มีแค่ชุดเข็มและหลักชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชื่อของ แกรนด์ ไซโก และสัญลักษณ์ดวงดาวที่อยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาด้วย ทุกจังหวะของการลงเข็มสลักจะต้องมีความแม่นยำและเที่ยงตรงอย่างสูง ซึ่งถือเป็นงานต้องการความละเอียดอ่อนขั้นสูงสำหรับการสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนนี้โดยเฉพาะกับแผ่นประกอบบนหน้าปัดที่หลักชั่วโมงจะต้องวางอยู่ และหลักสำหรับนาทีซึ่งจะต้องถูกแกะสลักด้วยเช่นกันแต่ทว่ามีลักษณะที่โค้งตามปลายของแผ่นหน้าปัด โดยชุดแผ่นประกอบบนหน้าปัดนี้และตัวหน้าปัดหลักใช้ทองคำขาว 18k เป็นวัสดุในการผลิต และการแกะสลักหน้าปัดของนาฬิกาแต่ละเรือนจะต้องใช้เวลานานหลายวันกับการสร้างสรรค์งานที่ต้องมีความละเอียดและใช้ทักษะสูงในการทำงาน
ขั้นตอนในการแกะสลักอาจจะดูแล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนแต่ทว่ามันเปี่ยมด้วยพลัง แนวเส้นตรงของการลงเข็มสลักถูกเน้นให้เห็นความชัดเจนของเวลา ซึ่งทำให้นาฬิกาเรือนนี้คือตัวตนจริงๆ แห่งความงามของ แกรนด์ ไซโก ในขณะที่นาฬิกาทั้งหมดมีรูปทรงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์จากคอลเลคชั่น เอเลแกนซ์
สำหรับเรือนเวลาที่มีความพิเศษไม่เหมือนใครเรือนนี้จะจำหน่ายในแบบผลิตจำนวนจำกัดเพียง 20 เรือนเท่านั้น และจะเริ่มจำหน่ายที่บูติกของ แกรนด์ ไซโก ในเดือนกรกฎาคม 2020 เป็นต้นไป โดยที่ฝาหลังจะมาพร้อมกับเหรีญทองคำที่สลักสัญลักษณ์สิงโตของ แกรนด์ ไซโก ติดตั้งเอาไว้
เอเลแกนซ์ คอลเล็กชั่น
แกรนด์ ไซโก้ รุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี จำกัดจำนวนผลิต
จำกัดการผลิตเพียง 20 เรือน
(กลไก 9S64)
เริ่มจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2020
สำหรับนาฬิกาเรือนที่ 2 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของ Shizuishi จะมาพร้อมกับกลไกไขลานในรหัส 9S64 แต่ทว่าใช้ตัวเรือนที่ผลิตจากทอง Rose Gold 18k และหน้าปัดที่มาพร้อมกับลวดลายที่เฉียบคมและงดงามโดยการสร้างสรรค์ผ่านทางเครื่องจักรแกะสลักที่มีความเที่ยงตรงสูงเท่านั้น
ลวดลายบนหน้าปัดเป็นการจินตนาการถึงป่าอันอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยต้นเบิร์ชสีขาวซึ่งอยู่ใกล้กับสตูดิโอซึ่งเป็นสถานที่ผลิตนาฬิกา และเมื่อเปลี่ยนมุมในการมองนาฬิกา บนหน้าปัดจะมีสีเหลื่อมกันระหว่างสีเขียวกับสีขาว ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับต้นไม้ในช่วงฤดูร้อนยามเมื่อแสงอาทิตย์ส่องลอดมสัมผัสกับใบไม้ และเปลือกไม้สีขาวของต้นไม้และบริเวณพื้นดินรอบๆ ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ความอ่อนโยน สัมผัสแห่งธรรมชาติที่รู้สึกได้จากนาฬิกาเรือนนี้ถือว่าเป็นความสมบูรณ์แบบที่มาจากตัวเรือนที่มีความบาง และหน้าปัดที่โค้งอย่างสวยงาม เช่นเดียวกับชุดเข็มที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะที่โค้งตาม
สำหรับเรือนเวลาที่มีความพิเศษไม่เหมือนใครเรือนนี้จะจำหน่ายในแบบผลิตจำนวนจำกัดเพียง 120 เรือนเท่านั้น และจะเริ่มจำหน่ายที่บูติกของ Grand Seiko และตัวแทนจำหน่ายของ Grand Seiko ทั่วโลกในเดือนกรกฎาคม 2020 เป็นต้นไป
เอเลแกนซ์ คอลเล็กชั่น
แกรนด์ ไซโก้ รุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี จำกัดจำนวนผลิต
จำกัดการผลิตเพียง 120 เรือน
(กลไก 9S64)
เริ่มจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2020